เจ้าชานน้อย 008 | Page 10

10
" ครั้งหนึ่งยังจะมีเจ้าชายน้อยองค์หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ดาวดวงโตกว่า เขานิดเดียว เขาอยากมีเพื่อน …" สําหรับผู้ที่เข้าใจชีวิตเรื่องที่ฉันเล่าอย่างนี้ดู จะเป็นจริงเป็นจังมากกว่า
แต่เนื่องจากฉันไม่อยากให้ใครเขาอ่านหนังสือที่ฉันเขียนขึ้นมา เล่น ๆ เพราะฉันรู้สึกปวดร้าวใจมากเมื่อเล่าความหลังทั้งหลายแหล่เหล่านี้ เพื่อนของฉันได้จากฉันไปพร้อมกับแกะของเขา ๖ ปีเข้านี่แล้ว
ที่ฉันพยายามเขียนถึงเขาขณะนี้ ก็เพื่อว่าฉันจะได้ไม่ลืมเขาเสีย เป็นเรื่องที่น่าสลดใจมากถ้าเราลืมเพื่อน ทุกคนไม่ได้มีเพื่อนเสมอไป ถ้าฉัน ลืมเขา ฉันก็อาจจะกลายเป็นพวกผู้ใหญ่ที่ไม่สนใจอะไรนอกจากตัวเลขก็ได้
เพื่อมิให้เป็นเช่นนี้ ฉันจึงได้ไปซื้อสีและดินสอมา มันออกจะยาก สักหน่อยที่จะมาหัดวาดใหม่ตอนนี้ ในเมื่อฉันก็เคยวาดเพียงรูปงูชนิดเห็น ด้านนอก และชนิดเห็นด้านในเมื่อตอนอายุ ๖ ขวบเท่านั้น แต่ฉันก็จะ พยายามวาดให้เหมือนที่สุดเท่าที่จะทําได้แม้ว่าจะไม่แน่ใจนักก็ตาม ฉัน อาจจะวาดรูปหนึ่งได้เหมือน แต่อีกรูปหนึ่งไม่เหมือนเลย ฉันคงจะกะขนาด ผิดด้วย ในรูปนี้เจ้าชายน้อยตัวโตเกินไป และในอีกรูปหนึ่งกลับเล็กเกินไป ฉันไม่รู้ว่าจะลงสีเสื้อของเขาเป็นสีอะไรดี ฉันจึงมะงุมมะงาหราทําไปทําดี บ้าง ไม่ดีบ้าง บางคราวก็อาจจะลืมรายละเอียดสําคัญไป
แต่ก็ยกโทษให้ฉันเถิด เพื่อนของฉันไม่เคยอธิบายอะไรแก่ฉัน เลยเขาคงคิดว่าฉันเหมือนกับเขากระมัง แต่ว่าตัวฉันเองก็ออกจะเสียใจที่ ไม่สามารถมองทะลุกล่องเห็นลูกแกะได้ ฉันคงจะเหมือนกับผู้ใหญ่ ทั้งหลาย ฉันคงแก่ตัวลงนั่นเอง

ฉัน เรียนรู้เรื่องราวของดาวดวงนี้มากขึ้นทุกวัน รู้ถึงการที่ เจ้าชายน้อยต้องจากมันมา รู้ถึงการเดินทาง ความรู้เหล่านี้ค่อยมา ปะติดปะต่อกันอย่างช้า ๆ แล้วแต่ความคิดจะนําไป
สําหรับในวันที่สาม ฉันได้ทราบเรื่องเศร้าเกี่ยวกันต้นไทร ครั้ง นี้ก็สืบเนื่องมาจากลูกแกะอีกเช่นกัน เจ้าชายน้อยได้ถามฉันด้วยท่าทาง สงสัยเต็มที่ " จริงหรือที่ว่าลูกแกะมันกินต้นผักหนาม " " จริงทีเดียว " " โอ ฉันดีใจจังเลย "
ฉันไม่เข้าใจว่าที่แกะกินต้นผักหนามนั้นสําคัญอย่างไร แต่ เจ้าชายน้อยเสริมขึ้นว่า " ถ้าอย่างนั้นมันก็กินต้นไทรด้วยน่ะซี "
ฉันรีบตั้งข้อสังเกตขึ้นว่า ต้นไทรนั้นไม่ได้เหมือนต้นผักหนาม แต่เป็นต้นไม้ใหญ่เหมือนวัด ถึงแม้จะมีเกณฑ์เอาช้างมาโขลงหนึ่งก็ไม่