B Connect Issue 12 B-Connect-12 | Page 84
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาครูในโรงเรียนหรือสถานศึกษา หลังจาก
ที เ ่ ราได้ร บ ั งบประมาณจากรัฐบาล เพื อ ่ พัฒนาครูท ท ี่ ำ � งานอยู แ ่ ล้ว โดย
ปัจจุบ น ั เราได้สร้างโรงเรียนเครือข่ายขึ น ้ ในปีงบประมาณ 2562 ซึ ง ่ จะม
โรงเรียนเครือข่ายทั ง ้ หมด 20 โรง ที จ ่ ง ั หวัดสระแก้ว 10 โรง และจังหวัด
ปทุมธานี 10 โรง ส่วนรูปแบบนั น ้ ก็จะเป็นการเข้าไปยกระดับความรู้
ความเข้าใจของครูในเรื อ ่ งของการจัดการเรียนรู ส ้ มัยใหม่ท เ ี่ รียกว่าการ
จัดกระบวนการเรียนรู แ ้ บบ Practice Learning ให้ครูผ ส ้ ู อนในสถาน
ศึกษา โดยโรงเรียนที เ ่ ป็นเครือข่ายนั น ้ จะได้ร บ ั ความร่วมมือและได้ร บ ั การ
สนับสนุนจากทางมหาวิทยาลัยวไลยลงกรณ์โดยตรง เช่น การอบรมเรื อ ่ ง
สื อ ่ การสอนสมัยใหม่ รวมถึงการไป Coaching ครูในโรงเรียนเครือข่ายให
มีความสามารถเพิ ม ่ ยิ ง ่ ขึ น ้
Active Learning กับ Productive Learning
แตกต่างกันอย่างไร
Q เหมือนว่าจะมีพ น ั ธกิจหนึ ง ่ ที ท ่ างมหาวิทยาลัยได้ร บ ั มาจาก
รัฐบาลด้วย ใช่ ตอนนี ส ้ ง ิ่ ที เ ่ ราได้ร บ ั มอบหมายจากทางรัฐบาล เพื อ ่ ให้เกิด
ผลสัมฤทธิใ น ์ ช่วง 2-3 ปีข า ้ งหน้า คือ การแก้ไขปัญหาการอ่านไม่ออก
และเขียนไม่ได้ของนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ที ม ่ ป ี ญ
หาเกี ย ่ วกับเรื อ ่ งน
เนื อ ่ งจากปัจจุบ น ั มีน ก ั เรียนจ�ำนวนหนึ ง ่ ประสบกับปัญหานี้ ซึ ง ่ ตรงนี เ ้ รา
ก็จะให้วางแนวความคิดแบบ Family Learning Style หรือรูปแบบ
ที จ ่ ะจัดการเรียนรู ใ ้ ห้ก บ ั นักเรียน โดยโมเดลการจัดการเรียนรู้ Family
Learning Style เป็นแนวทางที ม ่ หาวิทยาลัยท�ำการวิจ ย ั และพัฒนาร่วม
กัน เพื อ ่ ที จ ่ ะใช้จ ด ั การเรียนการสอนให้ก บ ั โรงเรียนที เ ่ ป็นโรงเรียนเครือข่าย
ก่อนและจะขยายต่อไปในโรงเรียนอื น ่ ๆ ในอนาคต บทบาทของเราคือสถาบันการศึกษา เราจ�ำเป็นที ต ่ อ ้ งยกระดับ
พัฒนาคุณภาพการเรียนรู ข ้ องนักศึกษาในหลักสูตรปริญญาตรีของเรา
ควบคู ไ ่ ปกับสิ ง ่ ที เ ่ ราวางไว้ข า ้ งต้นที ก ่ ล่าวมาด้วย ซึ ง ่ ขณะนี เ ้ ราได้ข บ ั เคลื อ ่ น
ยุทธศาสตร์ส ำ � คัญก็ค อ ื เรื อ ่ งของการแบ่งการเรียนรู ใ ้ ห้น ก ั ศึกษาของเราได้ม
การฝึกปฏิบ ต ั จ ิ ริงๆ ทั ง ้ ในแง่ระหว่างการเรียนรู้ และในแง่ของการออกไป
ปฏิบ ต ั ง ิ านในสถานประกอบการต่างๆ โดยเฉพาะกับการใช้ช ม ุ ชนสังคม
เป็นห้องปฏิบ ต ั ก ิ ารส�ำหรับนักศึกษาที จ ่ ะได้ฝ ก ึ ท�ำงานหรือเริ ม ่ เรียนรู ก ้ บ ั
ชุมชน ซึ ง ่ จะเป็นการยกระดับการเรียนรู ข ้ องนักศึกษาโดยตรง
นอกจากนี้ เราก�ำลังส่งเสริมให้น ก ั ศึกษาของเราได้ก า ้ วสู ก ่ ารเป็น
ผู ป ้ ระกอบการใหม่ ด้วยการกระตุ น ้ ให้เกิดการสร้างชิ น ้ งานหรือสร้าง
แนวคิดในการด�ำเนินธุรกิจใหม่ๆ ซึ ง ่ ทางมหาวิทยาลัยเองได้จ ด ั ให้ม ห ี อ ้ ง
ปฏิบ ต ั ก ิ ารที เ ่ รียกว่า “พื น ้ ที เ ่ พื อ ่ การเรียนรู ข ้ องนักศึกษา” เช่น เราก�ำลัง
จะสร้างโมเดิร น ์ เทรดขึ น ้ มาเอง เพื อ ่ เป็นศูนย์การค้าขนาดเล็กให้น ก ั ศึกษา
ได้มาทดลองเป็นผู ป ้ ระกอบการใหม่ หรือว่าน�ำเอาสินค้าจากชุมชนที ท ่ าง
มหาวิทยาลัย หรือนักศึกษาไปร่วมด�ำเนินการส่งเสริมพัฒนาเอามาเป็น
พื น ้ ที จ ่ ด ั จ�ำหน่ายให้ก บ ั ชุมชน สังคมจุดนี ถ ้ อ ื เป็นการท�ำ Productive
Learning ซึ ง ่ เป็น 3 ยุทธศาสตร์ส ำ � คัญของมหาวิทยาลัยฯ ที ก ่ ำ � ลังพยายาม
ขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นในช่วง 4-5 ปี ข้างหน้า และนี่คือบทบาทของ
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที จ ่ ะพยายามท�ำ
หน้าที เ ่ ป็นสถาบันอุดมศึกษา เพื อ ่ การพัฒนาท้องถิ น ่ และเป็นสถานที ผ ่ ลิต
บุคลากรที เ ่ ป็นก�ำลังส�ำคัญของประเทศชาติในอนาคตต่อไป
Q ปัญหาการอ่านออกเขียนได้ของเด็กมีเยอะ จนเป็นประเด็น
ส�ำคัญขนาดนั น ้ เลยหรือ Q
จริงๆ แล้ว ในส่วนของประเทศไทยมีหลายพื น ้ ที แ ่ ละในหลาย
จังหวัดที ป ่ ระสบกับปัญหานี้ ซึ ง ่ ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาเชิงสังคมที เ ่ ริ ม ่
มาจากตัวพ่อแม่ หรือผู ป ้ กครองที อ ่ ยู ใ ่ นวัยท�ำงานที ต ่ อ ้ งออกไปท�ำงานใน
ต่างพื น ้ ที่ จนมีเวลาให้ครอบครัวน้อยมาก
ดังนั น ้ เราจึงเปิดพื น ้ ที ห ่ รือห้องเรียนบ้างห้องเรียนเป็นพิเศษขึ น ้ มา
อย่างเช่นพื น ้ ที่ อบจ.ของปทุมธานีท ม ี่ เ ี ด็กอยู ป ่ ระมาณ 2 ห้อง ซึ ง ่ ขณะนั น ้
เด็กที อ ่ ยู่ ม.1 ที ไ ่ ม่สามารถอ่านหรือเขียนได้ไม่คล่องนั น ้ ทางโรงเรียน
ก็สามารถติดต่อมาทางมหาวิทยาลัยให้เข้าไปช่วยเพื อ ่ ที จ ่ ะหาวิธ จ ี ด ั การ
เช่น จัดกิจกรรมอย่างไรให้เขาอ่านออกเขียนได้คล่องมากยิ ง ่ ขึ น ้ ซึ ง ่ เรื อ ่ งน
เป็นปัญหาระดับชาติท เ ี่ ราอาสาเข้าไปบริหารจัดการ
82
Q ข้ามมาในส่วนสุดท้ายหรือด้านการเรียนการสอนบ้าง
ทางมหาวิทยาลัยวางแนวทางเกี ย ่ วกับเรื อ ่ งนี ไ ้ ว้อย่างไร
B-CONNECT MAGAZINE
จริงๆ แล้วการเรียนรู ใ ้ นลักษณะของ Active Learning นั น ้
เป็นการเรียนรู จ ้ ากการปฏิบ ต ั จ ิ ริงก็ค อ ื ไม่ว า ่ จะเรียนวิชาอะไรก็แล้วแต
ต้องเน้นการปฏิบ ต ั ิ ซึ ง ่ ค�ำว่า “การปฏิบ ต ั ” ิ อาจจะหมายถึงการวิเคราะห
ปัญหา และหาแนวทางแก้ไข หรืออาจจะหมายถึงการผลิตชิ น ้ งานยก
ตัวอย่างเช่น การผลิตรายการทีว ห ี รือวีด โ ี อ หรือการเขียนบทความหรือ
เขียนวรรณกรรมต่างๆ ถ้าเป็นนักศึกษาทางด้านนาฏศิลป์ อาจจะหมาย
ถึงการผลิตคิดท่าการแสดงต่างๆ ซึ ง ่ เขาต้องเรียนรู จ ้ ากการปฏิบ ต ั จ ิ ริงไม
พยายามให้เรียนรู จ ้ ากทฤษฎีส ก ั เท่าไรนัก
ฉะนั น ้ ในฐานะของการเป็นมหาวิทยาลัยฯ ที ม ่ ง ่ ุ เน้นกระบวนการ
เรียนการสอนในเชิงนี เ ้ สมอมา นี จ ่ ง ึ เป็นการต่อยอดว่า ทุกๆ การปฏิบ ต ั ิ
จะเกิดผลลัพธ์บางอย่าง และผลลัพธ์ท ว ี่ า ่ ส่วนใหญ่ก ค ็ อ ื โปรดักต์ ไม่ว า ่ จะ
เป็นโปรดักต์ท เ ี่ กี ย ่ วกับไอเดียหรือโปรดักต์ท เ ี่ ป็นสิ ง ่ ของจับต้องได้ ดังนั น ้
นิยามของ Product Learning ที เ ่ ราวางไว้ จึงเป็นการให้เด็กได้เเรียนรู้
เพื อ ่ ที จ ่ ะสร้างชิ น ้ งานในเชิงประจักษ์ต อ ่ คนโดยทั ว ่ ไป ซึ ง ่ จะส่งผลให้เกิด
มูลค่าของตัวพวกเขาเองอย่างเป็นรูปธรรม